...แรกเริ่มเดิมทีตอนที่ผมศึกษาเรื่องดาวพระเคราะห์เสวยอายุของท่าน อ.พลูหลวง...
...ในตอนนั้น ...
...[ พ.ศ.๒๕๓๘ ] ผมเห็นว่าถ้าตอนเวลาดูดวงชาตาคน ถ้าเราต้องดูจากตารางวัย ...
...จะรู้สึกว่ายุ่งยากมากอยู่พอสมควร...
...ผมนั่งมองตารางวัยไปเพลินๆ ชั่วภายใน ๑ - ๒ วินาทีในสมองผมก็แว๊บมาว่า ตรงจุดข้อต่อ...
ระหว่างวัยดาว ๖ [ราศีตุลย์ ] จะไปวัยดาว ๓ [ราศีพฤศจิก ] มีข้อต่อในวัย ดาว ๒ และราหู [โลก ]...
ถ้าเวลาคนมาดูดวงเรามองจากดวงชาตาของผู้มาดู และนับวัยไปพร้อมกัน จะเร็วกว่าดูตารางแน่นอนก็เลยเช็คว่า..อยู่ในวัยดาวอะไร และดาวอะไรเสวย จากวิธีนี้ปรากฏว่า work และรวดเร็วกว่ามาก สามารถดูวัยไปในระหว่างดูดวงชาตาได้ควบคู่กันไป...
...ในเวลาต่อมา...ขณะที่กำลังอ่านหนังสือท่าน อ.พลูหลวงอยู่ ในสมองก็แว๊บมาเหมือนเดิม...
ในเวลา ๑ - ๒ วินาที ว่า ในเมื่อนับวัยจากการดูที่ดวงชาตาได้แล้ว ถ้านับเป็นในแบบระบบทักษา
...ก็น่าจะทำได้...
...พอคิดได้ ผมก็รีบหยิบปากกาและกระดาษมาในทันที ลองเขียนเป็นแบบ ๘ ตัวเหมือนทักษาทั่วๆไป...
ปรากฏว่าไม่ลงตัว ก็ลองเขียนเพิ่มดาวเนปจูนกับดาวพลูโต รวมเป็น ๑๐ ดวง...
...เบ็ดเสร็จเรียบร้อยลงตัวพอดี...
.
...ผมก็เลยเผยแพร่ปรากฏมาเป็นภาพดังที่ได้เห็น กันนี่แหละครับ...
เรื่องการค้นคว้า
วิธีการนับวัยทั้ง ๒
...ถ้าผู้ที่ถนัดในทางดูที่ดวงชาตา
ก็ให้ใช้ระบบดูที่ดวงชาตาก็จะเห็น
ดาวเสวยและดาวแทรกได้ชัดเจน...
...ถ้าผู้ที่ถนัดในทางทักษาก็ให้ใช้
ดูจากระบบทักษะ ก็จะสามารถดูได้
อย่างรวดเร็วเช่นกัน...
...ดวงมาตราฐาน...
...เป็นดวงมาตราฐานที่นักเรียนโหราศาสตร์ต้องจดจำให้ได้เป็นอันดับแรก...
...เพราะเป็นพื้นฐานในการดูดวงชาตา...
...จะได้รู้ตำแหน่งดีหรือตำแหน่งร้ายของดวงดาวในราศีจักร...
...เมื่อเห็นตำแหน่งดาวในดวงชาตาก็จะสามารถวิเคราะห์ผลดี-ผลเสียได้...
...จึงนับได้ว่า...ดวงมาตราฐาน...มีความสำคัญอันดับแรกของการดูดวง...